ข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบ
ข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบ
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยพิจารณาแล้วเห็นว่านายเงินไม่ได้ยกที่ดินให้โจทก์ๆ อุทธรณ์ว่านายเงินยกที่ดินให้ในวันแต่งงานโดยอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้ให้เหตุผลโดยชัดแจ้งว่า ที่ศาลชั้นต้นยกเหตุต่าง ๆ ที่แสดงว่านายเงินไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์นั้นไม่ชอบอย่างไร ดังนั้น อุทธรณ์โจทก์ข้อนี้จึงไม่ชัดแจ้งจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2936/2552
อุทธรณ์ของโจทก์ไม่ได้ให้เหตุผลโดยชัดแจ้งว่า ที่ศาลชั้นต้นยกเหตุต่างๆ ที่แสดงว่า ง. ไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์นั้นไม่ชอบอย่างไร พยานหลักฐานอื่นที่แสดงว่าโจทก์ได้รับมอบที่ดินพิพาทในวันแต่งงานดังที่โจทก์อ้าง โจทก์ก็ไม่ได้ระบุไว้ในอุทธรณ์ ดังนั้น อุทธรณ์โจทก์ข้อนี้จึงไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาประเด็นดังกล่าวจึงไม่ชอบ ดังนั้น ฎีกาโจทก์ที่ว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักและเหตุผลน่าเชื่อว่า ง. ได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์จริง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทด้วยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทอีกต่อไป และให้เจ้าพนักงานที่ดินแก้ทะเบียนในโฉนดที่ดินพิพาทโดยใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ประเด็นข้อพิพาทมีเพียงข้อเดียวว่า โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า นายเงินไม่เคยมอบเอกสารสิทธิของที่ดินพิพาทให้โจทก์รวมถึงยกที่ดินพิพาทให้ น่าเชื่อว่านายเงินเพียงอนุญาตให้โจทก์ในฐานะบุตรทำกินในที่ดินพิพาทเท่านั้น การครอบครองของโจทก์จึงเป็นการครอบครองแทนนายเงินซึ่งเป็นบิดา เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยบอกกล่าวไปยังนายเงินว่าไม่มีเจตนาที่จะยึดถือทรัพย์สินแทน ตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต อาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 แม้ว่าโจทก์ทำกินมานานเท่าใดก็หาได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่ แล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ประเด็นเรื่องกรรมสิทธิ์เพียงว่า “ที่ดินพิพาทดังกล่าว นายเงินบิดาของโจทก์และจำเลย ยกให้ในวันแต่งงานโจทก์เป็นเวลา 27 ปีแล้ว และโจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์เพื่อตนเองโดยตลอด ไม่ได้ครอบครองแทนบิดาแต่อย่างใด” อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้ให้เหตุผลโดยชัดแจ้งว่า ที่ศาลชั้นต้นยกเหตุต่าง ๆ ที่แสดงว่านายเงินไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์นั้นไม่ชอบอย่างไร ดังนั้น อุทธรณ์โจทก์ข้อนี้จึงไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับพิจารณาประเด็นดังกล่าว ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ดังนั้น ฎีกาโจทก์ที่ว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักและเหตุผลน่าเชื่อว่า นายเงินได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์จริง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 4 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย กรณีจึงต้องรับฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวมาข้างต้น...
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 และยกฎีกาโจทก์ คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
( นพวรรณ อินทรัมพรรย์ - ไชยยงค์ คงจันทร์ - ทัศนีย์ ธรรมเกณฑ์ )
ศาลจังหวัดสว่างแดนดิน - นางรุ่งทิพย์ ไชยนาแพง
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 - นายเอกชัย ชินณพงศ์
ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง, 249 วรรคหนึ่ง