เจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย
เจ้าหนี้มีประกันย่อมมีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันซึ่งลูกหนี้ที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์โดยเจ้าหนี้ไม่ต้องขอรับชำระหนี้ แต่ต้องยอมให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินนั้น ในการตรวจดูทรัพย์สิน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิจำต้องยึดทรัพย์และขายทอดตลาดให้แก่เจ้าหนี้เสมอไป แต่หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ตรวจดูทรัพย์สินแล้วเห็นว่าทรัพย์นั้นมีราคามากกว่าจำนวนหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจยึดทรัพย์ออกขายทอดตลาดและนำราคาส่วนที่เหลือจากการเกินจำนวนหนี้รวบรวมเข้ากองทรัพย์สินของลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8443/2547
พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเท่านั้น มิได้บังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันให้แก่เจ้าหนี้มีประกันเสมอไป การตรวจดูทรัพย์สินตามมาตรา 95 นั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะกระทำด้วยการสอบสวนหรือขอมติที่ประชุมเจ้าหนี้ตามคำสั่งอธิบดีกรมบังคับคดีก็ได้ ถ้าปรากฏว่าทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันมีราคามากกว่าจำนวนหนี้ ราคาส่วนที่เหลือเกินจำนวนหนี้ย่อมเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะรวบรวมจัดการตามมาตรา 22 และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขายตามวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุดตามมาตรา 123 ในกรณีเช่นนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีหน้าที่ต้องดำเนินการยึดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันออกขายตามคำร้องของเจ้าหนี้ จะสั่งงดดำเนินการและให้เจ้าหนี้ไปดำเนินการตามกฎหมายอื่นไม่ได้ แต่ถ้าปรากฏว่าจำนวนหนี้ท่วมราคาทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันและไม่มีกรณีต้องร้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลหรือการกระทำใดแล้ว ประกอบกับที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่ประสงค์จะดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน เนื่องจากเห็นว่าจำนวนหนี้ค้างชำระท่วมราคาทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน การบังคับคดีต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันไม่มีประโยชน์ต่อกองทรัพย์สินของลูกหนี้อย่างใด ที่ผู้คัดค้านได้มีคำสั่งงดดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้จึงชอบแล้ว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาด และพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด และพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลมีคำสั่งกลับคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้าน โดยให้ผู้คัดค้านดำเนินการยึดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่ผู้ร้องต่อไป
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้มีคำสั่งยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน ผู้คัดค้านดำเนินคดีเองจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกัน โดยเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 24503 ของลูกหนี้ ผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2544 ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 โดยขอให้ผู้คัดค้านยึดทรัพย์จำนองดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่ผู้ร้อง ผู้คัดค้านรับคำร้องไว้และดำเนินการไต่สวนโดยได้ส่งสำเนาคำร้องของผู้ร้องให้เจ้าหนี้อื่น ๆ แล้ว ต่อมาวันที่ 2 มกราคม 2545 อธิบดีกรมบังคับคดีมีคำสั่งที่ 5/2545 ว่า เมื่อมีการยื่นคำร้องตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นำเสนอหลักประกันและหนี้ที่มีประกันต่อที่ประชุมเจ้าหนี้ก่อนว่าที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการหรือไม่ หากที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่เห็นชอบ ก็ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์งดดำเนินการต่อทรัพย์สินนั้น วันที่ 4 มีนาคม 2545 ผู้คัดค้านนัดประชุมเจ้าหนี้ และเจ้าหนี้ลงมติว่าไม่เห็นชอบให้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้อง ผู้คัดค้านจึงมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าคำสั่งของผู้คัดค้านที่ไม่ดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินซึ่งผู้ร้องรับจำนองไว้ชอบหรือไม่ เห็นว่า พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเท่านั้น มิได้บังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันให้แก่เจ้าหนี้มีประกันเสมอไปการตรวจดูทรัพย์สินตามมาตรา 95 นั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะกระทำด้วยการสอบสวนหรือขอมติที่ประชุมเจ้าหนี้ตามคำสั่งอธิบดีกรมบังคับคดีก็ได้ ถ้าปรากฏว่าทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันมีราคามากกว่าจำนวนหนี้ราคาส่วนที่เหลือเกินจำนวนหนี้ย่อมเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะรวบรวมจัดการตามมาตรา 22 และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขายตามวิธีการที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุดตามมาตรา 123 ในกรณีเช่นนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีหน้าที่ต้องดำเนินการยึดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันออกขายตามคำร้องของเจ้าหนี้ จะสั่งงดดำเนินการและให้เจ้าหนี้ไปดำเนินการตามกฎหมายอื่นไม่ได้ แต่ถ้าปรากฏว่าจำนวนหนี้ท่วมราคาทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันและไม่มีกรณีต้องร้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลหรือการกระทำใดแล้ว ประกอบกับที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่ประสงค์จะดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน เนื่องจากเห็นว่าจำนวนหนี้ค้างชำระท่วมราคาทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน การบังคับคดีต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันไม่มีประโยชน์ต่อกองทรัพย์สินของลูกหนี้อย่างใด ที่ผู้คัดค้านได้มีคำสั่งงดดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้นั้นจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลล่างทั้งสอง ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ผู้คัดค้านแก้ฎีกาเองจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.
( อุดมศักดิ์ นิติมนตรี - สมชาย พงษธา - วัฒนชัย โชติชูตระกูล )
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
95 เจ้าหนี้มีประกันย่อมมีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันซึ่งลูกหนี้ได้ให้ไว้ก่อนถูกพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ แต่ต้องยอมให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินนั้น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันในคดีล้มละลาย